จากใจศิษยาภิบาล
พี่น้องครับ ที่ผ่านมาผมพยายามเน้นถึงการเป็นสาวกพระคริสต์ว่าเป็นอย่างไร
“สาวกของพระคริสต์คือคือผู้ที่อุทิศตัวอย่างเต็มที่ติดตามพระเยซู
ผู้ซึ่งยึดมั่นคำสอนของพระองค์อย่างเต็มที่และให้คำสอนนั้นเป็นเข็มทิศนำชีวิตและการประพฤติของเขา เขาได้คำนวณราคาของการเป็นสาวกและยินดีที่จะจ่ายราคาไม่ว่าจะเท่าไรก็ตาม เขามอบชีวิตทั้งหมดของเขาให้พระเยซูทรงเป็นจอมเจ้านายของเขา”
การเป็นสาวกของพระคริสต์ไม่ได้อยู่กับที่ แต่ต้องมีการพัฒนาให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ มี 3 ด้านที่เราต้องพัฒนาคือ ด้านที่เกี่ยวกับพระเจ้า ด้านที่เกี่ยวกับตัวเรา และด้านที่เกี่ยวกับผู้อื่น
ในด้านที่เกี่ยวกับพระเจ้า The Godward Dimension นั้น เราต้องพัฒนาเรื่อง การยอมจำนน [Yieldedness] และความจงรักภักดี [Allegiance] ที่เรามีต่อพระองค์
การยอมจำนนคือการยอมตายต่อตัวเอง การยอมนี้เกิดขึ้นเมื่อเรายอมที่จะละทิ้งสิทธิของตัวเอง ความชอบธรรมของตัวเองด้วย และเมื่อเราติดสนิทอยู่กับพระเจ้ามากขึ้น เราจะตายต่อตัวเอง เราจะไม่เรียกร้องสิทธิของตนเองอย่างเป็นปกติ
ถ้าเรามีความจงรักภักดีต่อพระคริสต์อย่างไม่ประนีประนอมแล้ว เนื้อหนังก็จะไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือชีวิตของเราได้เลย
รากฐานความจงรักภักดีจาก 2 สิ่งคือ
1. ไม้กางเขน ไม้กางเขนมีฤทธิ์เดชที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่เหนือโลกนี้ได้ ถ้าเราภักดีต่อพระเยซูคริสต์ เราจะ Focus ที่กางเขน ที่ที่พระเยซูได้ตายแทนเรา แทนความบาปของเรา ทำให้เราสามารถกลับมาสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง
2. พระวจนะ เราไม่สามารถติดตามพระคริสต์ได้ ถ้าชีวิตของเราไม่ได้สำแดงความจริงของพระเจ้าในชีวิตของเรา เราต้องเลือกที่จะเดินชีวิตนี้โดยให้พระวจนะนำเรา หรือ จะให้โลกนี้นำเรา ถ้าเราภักดีต่อพระคริสต์ พระวจนะจะครอบครองชีวิตของเรา
พี่น้องครับ เราในฐานะที่เป็นสาวกพระคริสต์ ให้เราติดสนิทกับพระเจ้าทุกวันในการศึกษาพระวจนะ อธิษฐาน ภาวนาพระวจนะของพระองค์ รักพระองค์สุดจิตสุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด และตลอดเดือนนี้ ในขณะที่เราเฝ้าเดี่ยวทุก ๆ วัน ให้เราใคร่ครวญตัวเรากับพระเจ้าว่า เรายอมจำนนต่อพระเจ้ามากน้อยขนาดไหน เรามีความจงรักภักดีต่อพระองค์มากน้อยขนาดไหน
และแน่นอนที่ชีวิตเราจะจำเริญขึ้น จนเรารู้สึกประหลาดใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเรา
พระเจ้าทรงอวยพระพร
นพ. เกรียงศักดิ์ วรรธนาศิรกุล
ศิษยาภิบาล คริสตจักรพันธกิจเชียงใหม่