จากใจศิษยาภิบาล
พีน้องครับ ในเดือนที่ผ่านมา ผมได้พูดว่า เมื่อเรารับเชื่อในพระเยซูคริสต์นั้น พระเยซูคริสต์ทรงคาดหวังให้เราเป็นสาวก ไม่ใช่เป็นแค่ผู้เชื่อธรรมดาเท่านั้น
และผมก็ได้ยกคำนิยามของสาวกของพระคริสต์ว่า
สาวกของพระคริสต์คือคือผู้ที่อุทิศตัวอย่างเต็มที่ติดตามพระเยซู
ผู้ซึ่งยึดมั่นคำสอนของพระองค์อย่างเต็มที่และให้คำสอนนั้นเป็นเข็มทิศนำชีวิตและการประพฤติของเขา เขาได้คำนวณราคาของการเป็นสาวกและยินดีที่จะจ่ายราคาไม่ว่าจะเท่าไรก็ตาม เขามอบชีวิตทั้งหมดของเขาให้พระเยซูทรงเป็นจอมเจ้านายของเขา
และคำถามต่อไปก็คือว่า แล้วเมื่อเราเป็นสาวกแล้ว แล้วต่อไปคืออะไร?
ต่อไปก็คือ อะไรคือเป้าหมายของการเป็นสาวกพระคริสต์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นสาวกแล้วอะไรคือวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการเป็นสาวก
เป้าหมายของสาวกพระคริสต์คือ การที่คน ๆ นั้นจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
เราไม่ได้จบลงที่การเป็นสาวกของพระคริสต์ แต่ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไปโดยมีเป้าหมายคือ เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ โดยมีลักษณะ 3 ประการดังนี้คือ
{C}1. รักด้วยใจบริสุทธิ์ [Love from a pure heart]
{C}2. มีจิตสำนึกที่ดี [A good conscience]
{C}3. ความเชื่ออย่างจริงใจ [A sincere faith]
เพราะบางคนคิดว่า คนที่เป็นสาวกพระคริสต์ เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นคือการที่เราจะรู้พระคัมภีร์มาก ๆ ท่องพระคัมภีร์ได้มากมาย รับใช้เก่ง ๆ นำคนมาเชื่อพระเจ้าอย่างมากมาย
สิ่งที่กล่าวมานั้นไม่ผิดครับ แต่ก็ไม่ถูก
เพราะการเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นไม่ได้วัดที่ผลงานเท่านั้น แต่วัดด้วยผลชีวิตโดยเฉพาะ 3 ประการที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น เพราะจากผลของชีวิตนั้น ผลงานก็จะล้นไหลออกมาอย่างแน่นอน
สิ่งนี่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ เราติดสนิทกับพระเจ้า ศึกษาพระวจนะของพระเจ้า และนำพระวจนะที่เราศึกษานั้นมาปฏิบัติในชีวิตของเราด้วย
ข้อผิดพลาดที่สำคัญคือ เราหยุดเพียงแค่รู้ที่สมอง แต่เราไม่ได้นำมาปฏิบัติในชีวิตของเรา เพราะจากการที่เราปฏิบัตินั้นต่างหากที่ทำให้เราเกิดผล และประสบความสำเร็จ
ผมอยากให้พี่น้องศึกษาพระวจนะอย่างพินิจพิเคราะห์ ภาวนาพระวจนะของพระเจ้า และอย่าหยุดเพียงแค่นี้ อธิษฐานทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเรานำพระวจนะนั้นมาปฏิบัติในชีวิตของเราจนกระทั่ง เป็นวิถีชีวิตของเรา และให้พระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นธรรมชาติของเราตลอดไป
พระเจ้าทรงอวยพระพร
นพ. เกรียงศักดิ์ วรรธนาศิรกุล
ศิษยาภิบาล คริสตจักรพันธกิจเชียงใหม่