1. คำจำกัดความของ “น้ำพระทัยของพระเจ้า” 

• โดยทั่วไปแล้ว พระคัมภีร์กล่าวถึง “น้ำพระทัยของพระเจ้า” ใน 3 ความหมายที่แตกต่างกัน

1.1) ในบางตอน “น้ำพระทัยของพระเจ้า” คือ อีกหนทางหนึ่งในการกล่าวถึง “พระธรรมของพระเจ้าหรือธรรมบัญญัติ” (the law of God)

- ตัวอย่างเช่น กษัตริย์ดาวิด กล่าวเป็นวลีว่า “พระธรรมของพระองค์” คู่ขนานไปกับ “น้ำพระทัยของพระองค์” ใน สดุดี 40:8
- เช่นเดียวกับที่เปาโลได้พิจารณาการรู้จักพระธรรมของพระเจ้าว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับการรู้น้ำพระทัยของพระเจ้า  (โรม 2:17-18)
- กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากพระธรรมของพระเจ้าได้แนะนำหรือชี้ทางแก่เราว่าอะไรเป็นสิ่งที่พระ เจ้าทรงต้องการให้เรากระทำ จึงเป็นการเหมาะสมที่จะเรียกพระธรรมของพระเจ้าว่า “น้ำพระทัยของพระเจ้า”
- “พระธรรม” (Law) หมายถึง “คำสั่ง” และหมายความรวมถึงพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมด

1.2) “น้ำพระทัยของพระเจ้า” ยังใช้เพื่อเรียกสิ่งใดก็ตามที่เป็นความปรารถนาที่แท้จริงของพระเจ้า 

- เราอาจเรียกสิ่งนี้ได้ว่า “น้ำพระทัยสมบูรณ์” (Perfect Will)
- ตัวอย่างเช่น พระเจ้ามีน้ำพระทัยที่จะให้ทุกคนได้รับความรอด และผู้ที่รับความรอดแล้วจะไม่หล่นไปจากพระคุณของพระองค์ (1ทิโมธี 2:4, 2เปโตร 3:9, ยอห์น 6:40) 
- ความจริงข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับความรอด เพราะจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ปฏิเสธการช่วยเหลือของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็เป็นความปรารถนาที่แท้จริงของพระเจ้าที่ต้องการให้ ทุกคนได้รับความรอด

1.3) “น้ำพระทัยของพระเจ้า” สามารถหมายถึงสิ่งที่พระเจ้ายินยอมหรืออนุญาตให้เกิดขึ้น 

- แม้ว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น สิ่งนี้เราอาจเรียกได้ว่าเป็น “น้ำพระทัยอนุญาต” (Permissive Will)
- ในความเป็นจริง สิ่งต่างๆ มากมายในโลกนี้นั้นเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับน้ำพระทัยสมบูรณ์ของพระเจ้า เช่น ความบาป ราคะตัณหา ความรุนแรง ความเกลียดชัง และใจแข็งกระด้าง เป็นต้น
- นอกจากนั้นพระเจ้ายังได้ทรงยินยอมให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ดำเนินต่อไป ตัวอย่างเช่น การที่คนจำนวนหนึ่งตัดสินใจปฏิเสธความรอดของพระองค์และอาจจะสูญเสียโอกาสรับ ความรอดไปตลอดนิรันดร์ เพราะพระเจ้ามิได้ทรงบังคับผู้ใดให้รับความรอด (โรม 1:24-26)
- หรือการที่ปัญหาหรือสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ล้วนได้รับการอนุญาตจากพระเจ้าให้เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่น้ำพระทัยที่แท้จริงของพระองค์ (1เปโตร 3:17,1เปโตร 4:19)

2. การตอบสนองต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า

• พระ คัมภีร์ไม่ได้สอนเรื่องน้ำพระทัยของพระเจ้าแก่เราให้เป็นแค่เพียงแค่ความรู้ เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราในฐานะของผู้เชื่อ
• สิ่งที่เราควรตอบสนองต่อน้ำพระทัยของพระเจ้ามีดังต่อไปนี้

2.1) เราต้องเรียนรู้ว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้า

- นั่นคือการเรียนรู้ว่าอะไรคือ “น้ำพระทัยสมบูรณ์” ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงสำแดงในพระคัมภีร์
- พระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว เราจึงต้องเข้าใจว่า “อะไรเป็นน้ำพระทัย(สมบูรณ์)ของพระเจ้า”(เอเฟซัส 5:17)

2.2) เมื่อ เรารู้จากน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงสำแดงแก่เราว่าพระองค์ต้องการให้เรา ดำเนินชีวิตอย่างไรในฐานะผู้เชื่อ เราต้องมอบถวายตัวของเราเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระองค์

- ตัวอย่างเช่นผู้เขียนพระธรรมสดุดี ได้ขอให้พระเจ้าทรงสอนเขาให้ “ทำตามน้ำพระทัย(สมบูรณ์)” ของพระองค์ (สดุดี 143:10)
- คำขอที่คู่ขนานในคำอธิษฐานนี้ที่ว่า ขอ “ทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิถีราบ” ได้ชี้ให้เห็นว่าเขาได้ขอพระเจ้าอย่างแท้จริงที่จะช่วยให้เขามีความสามารถ ที่จะดำเนินชีวิตในความชอบธรรมตามน้ำพระทัยของพระองค์
- ในพระคัมภีร์ใหม่ เปาโลได้คาดหวังให้คริสเตียนที่เธสะโลนิกาได้ดำเนินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า โดยการหลีกเลี่ยงการทำผิดศีลธรรมทางเพศและโดยการดำเนินชีวิตในความบริสุทธิ์ และในทางที่มีเกียรติ (1เธสะโลนิกา 4:3-4)
- นอกจากนั้น เปาโลยังได้อธิษฐานเพื่อที่ผู้เชื่อจะมีความรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะ “...ได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์”(โคโลสี 1:9-10)

2.3) ผู้เชื่อถูกเรียกมาเพื่ออธิษฐานขอให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ

- เราต้องปรารถนาน้ำพระทัยสมบูรณ์ของพระเจ้าอย่างจริงใจ และตั้งใจที่จะกระทำให้สำเร็จในชีวิตของเรา และในครอบครัวของเราด้วย
- หากสิ่งนี้เป็นคำอธิษฐานและเป็นความตั้งใจของเรา เราก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตของเรานั้นได้อยู่ใน การปกป้องดูแลของพระเจ้า (กิจการ 18:21, 1โครินธ์ 4:19, 1โครินธ์ 16:7)
- อย่างไรก็ตาม หากมีความบาปโดยเจตนา(Deliberate sin)ในชีวิตของเราและการดำเนินชีวิตที่ต่อสู้กับหลักความจริงแห่งพระวจนะของ พระเจ้า เราก็ต้องตระหนักไว้เลยว่าพระเจ้าจะไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของเรา
- เราจะไม่สามารถคาดหวังให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จบนโลกได้เลยเว้นเสียแต่ ว่าเรากำลังพยายามที่จะทำตามน้ำพระทัยสมบูรณ์ของพระเจ้าในชีวิต (ใช้คำว่าพยายามเพราะมนุษย์นั้นมีความจำกัดอาจผิดพลาดได้ แต่อย่างไรก็ตามพระเจ้าจะทรงช่วยให้เราสามารถทำได้ในที่สุด หากเราไม่ละทิ้งความพยายามนั้นเสีย)

2.4) เรา ต้องไม่ใช้น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นข้อแก้ตัวในการไม่ดิ้นรนหรือไม่รับผิดชอบ ต่อการทรงเรียกของพระเจ้าให้เอาชนะบาป สิ่งชั่วร้าย และการเป็นคริสเตียนอุ่นๆ ฝ่ายวิญญาณ (Spiritual lukewarmness)

- พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นผู้ทำให้ความบาป สิ่งชั่วร้าย หรือการล่อลวงต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
- แต่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจากมารซาตาน ที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อพระเจ้าในวันพิพากษา (1ยอห์น 5:19) 
- และซาตานนี่เองที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด ความทุกข์ยากในโลกนี้ (โยบ 1:6-12, โยบ 2:1-6, ลูกา 13:16, 2โครินธ์ 12:7)
- เราจึงไม่สามารถกล่าวว่า เพราะพระเจ้าทรงอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เราเป็นมนุษย์คนบาปจะไปต่อสู้หรือเอาชนะอะไรได้ เพราะพระเยซูได้ทรงมาบังเกิดเพื่อทำลายกิจการของมารแล้ว และพระองค์จะทรงช่วยคนที่ไว้วางใจในพระองค์ให้มีชัยชนะได้ด้วยเช่นเดียวกัน (1ยอห์น 3:8) 
- จึงเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่เห็นได้ชัดเจนที่ผู้เชื่อจะต้องทำสงครามกับ แหล่งแห่งความชั่วร้ายฝ่ายวิญญาณนี้โดยพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ (เอเฟซัส 6:10-20, 1เธสะโลนิกา 5:8)

ขอให้พระเกียรติทั้งหมดจงมีแด่พระเจ้า
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ โดย Christian CMU (คริสเตียน มช.)
http://www.christiancmu.com/2009-07-31-08-36-43/17-2009-08-07-16-57-00