จากใจศิษยาภิบาล
ในพระวจนะของพระเจ้าของเรานั้น พระองค์ได้ทรงสัญญาพระพรมากมายกับเรา พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาหรือเป็นพ่อของเรา ไม่มีพ่อคนไหนดีใจหรือต้องการให้ลูกของตนตกทุกข์ได้ยาก ลำบาก เจ็บไข้ได้ป่วย เช่นเดียวกันกับพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาพระพร ไม่ใช่คำแช่งสาปกับเรา เช่น ในพระธรรม สดุดีบทที่ 1 ข้อ 3,4 ที่กล่าวว่า “ เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำซึ่งเกิดผลตามฤดูกาลและใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง ทุกอย่างที่เขาทำก็จำเริญขึ้น คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป ”
แต่ทำไมงานที่เราไม่จำเริญขึ้น เราทำไมถึงไม่เกิดผล
ที่เป็นเช่นนี้ คำตอบอยู่ในข้อ 1,2 ที่กล่าวว่า “บุคคลผู้เป็นสุขคือผู้ไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรม ไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาป ไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์เขาใคร่ครวญธรรมบัญญัติของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน ”
จากพระธรรมตอนนี้ เราได้เห็นถึงเงื่อนไขอยู่ในข้อที่ 3 คือคนที่ไม่ดำเนินชีวิตอย่างคนอธรรม คนบาป และเป็นคนที่ภาวนาพระวจนะของพระเจ้า และก็ยังมีพระคัมภีร์อีกมากมายที่เป็นพระสัญญาของพระองค์ที่ให้กับเราที่ผมอยากจะขอยกมาให้ดูเช่น
สุภาษิต 3:9-10 จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สินของเจ้า และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทุกอย่างของเจ้า แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มบริบูรณ์และบ่อเก็บของเจ้าจะล้นด้วยเหล้าองุ่นหมักใหม่
ยุ้งของเราจะเต็มล้น โดยมีเงื่อนไขคือ ให้เราถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยทรัพย์สินและผลแรกของเรา
ลูกา 6:38 จงให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับด้วยแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน เพราะว่าเมื่อท่านตวงให้เขาเท่าไร ท่านก็จะได้รับการตวงกลับคืนไปเท่านั้นเช่นกัน
เราจะได้รับ เงื่อนไขคือ เมื่อเราให้เขา เพราะพระเจ้าจะให้เรากลับตามที่เราให้
2 9:6-8นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี และพระเจ้าสามารถประทานพรทุกอย่างแก่ท่านทั้งหลายอย่างเหลือล้น เพื่อว่าเมื่อมีทุกอย่างเพียงพออยู่เสมอ ท่านยังจะมีเหลือล้นสำหรับการดีทุกอย่างด้วย
เราได้รับสิ่งของบริบูรณ์ เงื่อนไขคือ เราได้ให้ด้วยใจยินดี
พระสัญญาของพระเจ้านั้นมีเงื่อนไขเสมอ พระเจ้าไม่ได้ส่งเสริมให้เราเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเอง แต่ให้เราเห็นกับอาณาจักรของพระองค์ พระเจ้าไม่ต้องการให้เราขาดพระพร แต่ต้องการให้เราไปถึงเต็มขนาดที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้กับเรา แต่เราต้องมีชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์
การที่เราทำ QT ทุกวันนั้น ประการหนึ่งคือเราศึกษาพระวจนะซึ่งเป็นพระสัญญาของพระองค์ การที่เราท่อง และภาวนาพระวจนะนั้นก็เพื่อเราจะจดจำถึงพระสัญญาและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะได้รับตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับ
นพ. เกรียงศักดิ์ วรรธนาศิรกุล
ศิษยาภิบาลคริสตจักรพันธกิจเชียงใหม่