คริสตจักรพันธกิจเชียงใหม่ Acts Church of Chiang Mai  
 
206 หมู่1 ต.ป่าแดด อ.เมือง  จ.เชียงใหม่ 50100 Tel. 053 275052, 089 6351009
 
 
CHURCH | SERVICES | PEOPLE GROUP | MINISTIES | GETTING INVOLVED | NEWS | ACTIVITIES | TESTIMONIES | RESOURCES
คำเทศนา | นมัสการ | สูจิบัตร | Acts News | บทความ | ดนตรี | ภาพยนต์ | หนังสือ | บทเรียนผู้เชื่อใหม่ | กิจกรรม | คำพยาน | คู่มือเฝ้าเดี่ยว QT  



ก้าวสู่แม่น้ำแห่งการนมัสการ โดย ดอน มวน

ผมมักถูกถามว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 2000 ผมคาดหวังจะเห็นการนมัสการมีพัฒนาการในด้านใด มีหลายสิ่งซึ่งอยู่ในหัวใจของผม แต่ผมอยากจะแบ่งปันเน้นเพียงสองสามประการที่สัมผัสว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับผม ผมมีส่วนร่วมในการนำนมัสการจนปัจจุบันนี้เป็นเวลามากกว่า 15 ปีแล้ว และผมก็ยังเรียนรู้อยู่ทุกวัน ผมได้เห็นรูปแบบหรือสไตล์ของดนตรีเข้ามาแล้วก็จากไป ผมเห็น “ช่วงการนมัสการ” เวลาเช้าวันอาทิตย์เปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิงในคริสตจักรจำนวนมาก ผมยังเคยเห็นการเปลี่ยนแปลงแท้จริงเกิดขึ้นในหัวใจของประชากรพระเจ้า ในเวลานี้มีความหิวกระหายต่อการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมา ก่อน สิ่งนี้สะท้อนอยู่ในคนทุกกลุ่มวัย แทบทุกคณะนิกายและทุกวัฒนธรรม อิสยาห์ 61:11 กล่าวว่า “พระเจ้าจะทรงทำให้ความชอบธรรมและความสรรเสริญ งอกขึ้นมาต่อหน้าบรรดาประชาชาติ” เวลานี้เมื่อคุณหันไปดูรอบๆ ในทุกที่มีเพลงบทใหม่ วิญญาณแห่งการนมัสการใหม่ เสียงแห่งความชื่นชมยินดีใหม่เกิดขึ้น

เพื่อน เอ๋ย หากคุณไม่เคยสังเกต (ผมอยากบอกว่า) พระเจ้าทรงกระทำสิ่งใหม่ท่ามกลางพวกเรา บางสิ่งซึ่งมีความหมายสำคัญกำลังเกิดขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำให้การนมัสการอันมีชีวิต ฟื้นขึ้นมาจากความตายในท่ามกลางเหล่าประชาการของพระองค์ จงทำทางสำหรับองค์จอมกษัตริย์ เพื่อพระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเยียนเราในวิถีทางซึ่งเราไม่เคยรู้จักมาก่อน เนื้อเพลงบทหนึ่งซึ่งผมเขียนขึ้นหลายปีมาแล้ว บอกว่า “I just want to be where You are, dwelling in Your presence. (ข้าเพียงต้องการจะอยู่ในที่ซึ่งพระองค์อยู่ พำนักในการทรงสถิต/ เพลง ขอทรงโปรดให้ข้าใกล้ชิดพระองค์ อยู่ในพระนิเวศน์ทุกทุกวัน)” (เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดซึ่งผมชอบร้อง เพราะมันเป็นคำอธิษฐานและความปรารถนาของผม ขณะผมเป็นเด็กชายอายุ 12 ปี ผมได้ต้อนรับพระเยซูเป็นจอมเจ้านายของชีวิตผม พระคำข้อแรกที่ผมขีดเส้นใต้ในพระคัมภีร์คือ สดุดี 27:4 ซึ่งเหมือนกับเนื้อเพลงที่กล่าวมานี้) สิ่งที่ผมตระหนักคือพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะอยู่กับเรา มากกว่าที่เราปรารถนาจะอยู่กับพระองค์ พระเจ้าปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองของเรา คริสตจักรของเรา บ้านของเรา และในหัวใจของพวกเรา พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อนในการสามัคคีธรรมกับคริสตจักรของพระองค์ คือประชากรของพระองค์ คือสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง

ไม่ ใช่ครับ พระองค์มิใช่พระเจ้าผู้ทรงโดดเดี่ยว ละห้อยหาการแสดงความรักและการนมัสการจากเรา แต่การนมัสการนั้นเป็นเพื่อประโยชน์ของเราเอง เพราะว่าการนมัสการเป็นบรรยากาศที่เชื้อเชิญและต้อนรับการทรงสถิตของพระองค์ ในพระธรรมสดุดี 22:3 บอกเราว่าพระเจ้าประทับอยู่เหนือคำสรรเสริญของเหล่าประชากรของพระองค์ การสรรเสริญและการนมัสการของเราที่มีต่อพระองค์นั้นก่อให้เกิดบรรยากาศหรือ เวทีสำหรับพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้กระทำสิ่งที่มีแต่พระองค์เองทรงกระทำได้ดีเยี่ยม เมื่อพระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเรานั้น พระองค์จะทรงรักษาคนเจ็บ ช่วยชีวิตคนหลงหายให้ได้รับความรอดและปลดปล่อยผู้ถูกข่มเหงผู้ทุกข์ใจ เราจึงไม่ควรรู้สึกประหลาดใจเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ขณะที่เรานมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เมื่อเราต้อนรับพระองค์ด้วยการสรรเสริญของเรา พระลักษณะของพระองค์เองทำให้พระองค์รักษาโรค ทำให้คนได้รับความรอด และการปลดปล่อย เพราะนี่เป็นความปรารถนาของพระองค์ พระองค์ปรารถนาการสามัคคีธรรมกับเราเพราะพระองค์อยากจะเทความรักและความ เสน่หาของพระองค์มายังเราผู้เป็นเจ้าสาวของพระองค์

ตอน หนึ่งในพระธรรมเอเสเคียล 47 ซึ่งผมชอบใช้อธิบายถึงสิ่งที่ผมมองเห็นว่ากำลังเกิดขึ้นในการนมัสการทุก วันนี้ “แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร และดูเถิด มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหาร ตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่าง ปลายใต้ของธรณีประตูพระวิหาร ทิศใต้ของแท่นบูชา แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นออกมาทางด้านใต้ ชายผู้นั้นได้เดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดได้หนึ่งพันศอก แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำนั้นขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้ และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ" แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า "น้ำนี้ไหลตรงไปทางท้องถิ่นตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบา และเมื่อน้ำไหลออกมานั้นไปถึงน้ำทะเล น้ำนั้นก็กลับจืดดี แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต”

ทุก วันนี้ คริสตจักรส่วนมากมีแม่น้ำแห่งการนมัสการกำลังเริ่มต้นไหลออกมา มันตั้งต้นก่อตัวจากการเป็นสายเล็กๆ ที่ค่อยๆไหลริน และใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นแม่น้ำที่มีกระแสอันทรงพลัง ในฐานะเป็นผู้นำนมัสการและนักนมัสการ เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า การนมัสการนั้นมีระดับที่หลากหลายแตกต่างกันไปในคริสตจักรของเรา คนจำนวนมากพึ่งเริ่มต้นมีประสบการณ์ในแม่น้ำนี้ และพวกเขารู้สึกสะดวกสบายที่จะแกว่งปลายเท้าแตะอยู่ที่ผิวน้ำแห่งการนมัสการ คนอื่นอาจรู้สึกสะดวกใจที่จะลุยเข้าไปอยู่ในแม่น้ำแห่งการนมัสการในความลึก ระดับตาตุ่มบ้าง ระดับเข่าบ้างและระดับเอวบ้าง นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่ได้เรียนรู้ที่จะ “กระโดด” ลงสู่แม่น้ำและว่ายอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า และนี่เป็นจุดซึ่งผมต้องการจะอยู่ (ในฐานะเป็นคนนอร์เวย์หัวอนุรักษ์จากทางเหนือของรัฐมินิโซต้า นี่เป็นสิ่งที่ยาก แต่มันเป็นความปรารถนาของผมจริงๆ) สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่า คนหนึ่งซึ่งกำลังเพียงแกว่งปลายเท้าแตะน้ำแห่งการนมัสการ เขาก็ถูกดึงดูดเข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกัน และเขาก็ปรารถนาจะถวายเครื่องบูชาแห่งการสรรเสริญด้วย เพียงเพราะการที่บางคนรู้สึกสะดวกสบายกับการแสดงออกภายนอกในการนมัสการและ การสรรเสริญ นั่นไม่ได้ทำให้เครื่องบูชาของผู้คนที่สงบเสงี่ยมในการแสดงออกถึงการนมัสการ นั้นด้อยค่าลง

จำ คำอุปมาเรื่องเงินถวายของหญิงม่ายได้หรือไม่ แม้จำนวนที่เธอถวายจะเล็กน้อย แต่พระเยซูตรัสว่ามูลค่าของมันมากยิ่งกว่าของคนอื่น ด้วยว่านั่นคือทั้งหมดที่เธอสามารถถวายได้ (มาระโก 12:41-44) บางทีในช่วงการนมัสการ คุณอาจพบว่า รู้สึกยากที่จะจดจ่อและไม่สามารถไปด้วยกันกับสภาพที่เกิดขึ้นรอบตัวของคุณ ส่วนคนที่ยืนหรือนั่งอยู่ถัดจากคุณไป เขาไม่รู้ว่าคุณพบเจอกับอะไรมาบ้างในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขาอาจจะร่าเริงอย่างเต็มที่ในการสรรเสริญและคุณอาจรู้สึกเหมือนกับว่า คุณต้อง “ทำปลอม” ท่าทางหรือการนมัสการบางอย่างขึ้นมาถวายพระเจ้า เพื่อให้เข้ากับคนอื่นๆ หรือเท่ากับคนอื่นๆ แต่ผมอยากหนุนใจคุณว่า อย่าทำเช่นนั้น พระเจ้ามิได้ขอให้คุณ “ทำสิ่งที่ปลอม” ในการสรรเสริญพระองค์ ถูกต้อง มีข้อพระคัมภีร์ที่สนับสนุนเราให้ถวายเครื่องบูชาสรรเสริญแท้ แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวของคุณจะย่ำแย่ เลวร้ายที่สุด (ฮบ.13:15) ซึ่งเราจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย หากแต่เครื่องถวายบูชาของเราต้องออกมาจากใจจริงและซื่อตรง ขณะที่เรากำลังเข้าสู่ปีใหม่ ผมเชื่อว่าพระเจ้ากำลังจะยกระดับของความสัตย์ซื่อจริงใจ และความเที่ยงตรงในการนมัสการและการสรรเสริญของเรา อย่างไรก็ดี ไม่ว่าระดับที่เราอยู่จะมากหรือน้อย ขอให้ทำอย่างจริงใจและตามความจริง ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังที่จะไม่ตัดสินคนอื่นตามสิ่งที่แสดงออกแค่ภายนอกใน การนมัสการนั้น พระเจ้ามองดูที่หัวใจเสมอ

ใน ฐานะเป็นผู้นำด้านดนตรีหรือนักดนตรีในคริสตจักร คุณจำเป็นต้องทราบและตระหนักถึงสไตล์หรือรูปแบบของดนตรีว่า แบบใดที่จะส่งผลต่อการนำที่ประชุมของคุณให้เข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า ณ วันนี้มีเพลงบทใหม่อันน่าเหลือเชื่อที่ถูกเขียนขึ้น โดยเฉพาะจากวงดนตรีของคนรุ่นหนุ่มสาวในคริสตจักรของเรา เพลงเหล่านี้เป็นบทเพลงที่มีลักษณะเปิดเผยจริงใจ ตรงไปตรงมา ซึ่งถูกเขียนโดยคนรุ่นที่ไม่สนใจในสิ่งต่างๆ ที่ “ทำปลอม” “เป็นของเลียนแบบ” ผมเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำลังมุ่งเน้นในคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ต้องการให้เราใสซื่อ จริงใจ และตรงไปตรงมาในการนมัสการของเรา ดาวิดทรงซื่อตรงอย่างเปิดเผยต่อพระเจ้าในบทเพลงที่ท่านเขียนขึ้น ลองดูที่สดุดีบทที่ 109 คุณอยากจะร้องเพลงบทนี้ในการนมัสการเช้าวันอาทิตย์หรือไม่ ถึงกระนั้น นี่คือเพลงสดุดี (บทเพลง) ของดาวิด ผมคิดว่า เราจะเห็นความซื่อตรงจริงใจในการนมัสการของพวกเราเกิดขึ้น เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ อย่างไรก็ตาม อย่าตกลงสู่กับดักของการวิ่งไล่ตาม ‘สไตล์’ บางรูปแบบของการนมัสการ เพียงเพื่อให้ทันยุคสมัยหรือตามกระแส พระเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางคำสรรเสริญของประชากรของพระองค์ เมื่อพวกเขาร้องบทเพลงนมัสการแบบเก่าด้วยหัวใจและอย่างจริงใจในระดับที่มาก เท่ากับเมื่อพระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางคำสรรเสริญของเราขณะที่เราร้องท่อน สร้อยของเพลงอันเรียบง่าย ขอระลึกว่า พระเจ้าทรงมองดูที่หัวใจของเรา รูปแบบหรือสไตล์ของดนตรีนั้นเปลี่ยนแปลงไปมา แต่พระคำของพระเจ้านั้นมั่นคงดำรงเป็นนิตย์ ขอให้เราสำรวจดูให้แน่ใจว่า การนมัสการของเราวางและหยั่งรากอยู่บนพระคำ และไม่ใช่ตามรูปแบบหรือตามสไตล์ดนตรีกระแสล่าสุด พระเจ้าจะสำแดงแก่คุณว่า สิ่งไหนจะใช้ได้เกิดผลสำหรับที่ประชุมของคุณ หากคุณทูลถามพระองค์

ท้าย ที่สุดนี้ ผมคิดว่าพระเจ้ากำลังเรียกร้องผู้นมัสการโดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำ ให้พัฒนาลักษณะชีวิต สดุดี 24 ข้อ 3 ถามว่า “ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระเจ้า และผู้ใดจะยืนอยู่ในวิสุทธิสถานของพระองค์” คำตอบอยู่ที่นี่ คือผู้ที่มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ เมื่อเราเคลื่อนเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในฐานะผู้นมัสการนั้น เราไม่สามารถมีเรื่องใดเก็บซ่อนไว้ได้อีกต่อไป เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเรา แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ ชีวิตของเราในฐานะที่เป็นนักนมัสการนั้นควรสะท้อนถึงพระสิริของพระเจ้าในทุก วัน และในทุกสิ่งที่เรากระทำ มันต้องเป็นที่ปรากฎชัดแก่ลูกของเรา ผู้ร่วมงานของเราว่า เราเปลี่ยนไป เราแตกต่างจากเดิม พระเจ้าทรงมองหาผู้นมัสการพระองค์ในจิตวิญญาณและความจริง ตลอด 24 ชั่วโมงต่อ 1 วัน ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ พระองค์ต้องการให้เรามีลักษณะชีวิตแห่งการนมัสการ

ผม ขอท้าทายคุณ ให้ก้าวลึกเข้าสู่น้ำแห่งการนมัสการ ยอมให้พระเจ้าดึงดูดคุณเข้าไป โปรดจำไว้ว่าพระเจ้าทรงกระทำให้ความชอบธรรมและการสรรเสริญงอกขึ้นมาต่อหน้า บรรดาประชาชาติ นั่นหมายความว่าพระเจ้าจะทรงทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในเมืองของคุณ คริสตจักรของคุณ บ้านของคุณ และในหัวใจของคุณ เมื่อคุณยอมให้พระเจ้านำคุณลึกลงไปในแม่น้ำแห่งการเชื่อฟัง จงอย่าแสวงหาของประทานอันใดเฉพาะ แต่จงแสวงพระองค์ผู้ประทานนั้น แสวงหาที่จะได้พระองค์มากขึ้น คุณจะไม่ผิดหวัง และขอให้เราทุกคนตัดสินใจที่จะอยู่ในแม่น้ำของการนมัสการในจุดที่ลึกมากยิ่ง ขึ้นในปีใหม่นี้ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ












= RESOURCES =
Sermon
คำเทศนา
Sermon Series
ชุดคำเทศนา
Worship
นมัสการวันอาทิตย์
Acts News
ข่าวคริสตจักร
Article
บทความน่าสนใจ
Music
เพลงนมัสการ
Movies
หนังน่าสนใจ
Book
หนังสือแนะนำ
Sources
บทเรียนสำหรับสมาชิก
Worship Song
เนื้อเพลงนมัสการ
  ศาสนศาสตร์คืออะไร ทำไมต้องศาสนศาสตร์
ทำไมคริสตชนต้องรู้ศาสนศาสตร์ ต้องศึกษาศาสนศาสตร์ รู้พระคัมภีร์เฉยๆ ไม่ได้หรือ?
  จงออกไปประกาศข่าวประเสริฐ
เราจะนอนหลับได้อย่างไร เมื่อทุกๆวันมีผู้คนกำลังตายไปโดยไม่ได้รับความรอด
  ความรักสี่แบบและความรักคริสเตียน
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งบันทึกด้วยภาษากรีก ปรากฏคำเกี่ยวกับความรักอยู่ถึง 4 คำด้วยกัน ใช้บรรยาย ความรักที่แยกย่อยได้ถึง 4 ประเภท
  น้ำพระทัยของพระเจ้า
พระคัมภีร์ไม่ได้สอนเรื่องน้ำพระทัยของพระเจ้าแก่เรา ให้เป็นแค่เพียงแค่ความรู้เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราในฐานะของผู้เชื่อ
  การตีสอนของพระเจ้า
บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอยในเมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น
  การรับประทานอาหารที่ถวายรูปเคารพ
การกระทำของเราควรตั้งอยู่บนความรักที่มีต่อพระเจ้าและคนอื่นเป็นอันดับแรก หากความรักเป็น สิ่งแรกที่เราใช้ในการตัดสินใจในสิ่งต่างๆ เราจะปฏิเสธที่จะทำหรือหนุนใจให้คนอื่นทำในสิ่งที่ทำให้ผู้เชื่อแม้แต่เพียง หนึ่งคนสะดุดซึ่งเป็นเหตุนำเขาไปสู่ความพินาศ
 
MORE
ดูทั้งหมด


 
CONTACT
Vision | Mission Statement | Core Values | Pastor | Milestones
Sunday Service | Children Church | Bible Classes | Cell Groups | Pray Meeting
Adult | Young Pro. | Youth | Children | Toa
Visit Service | Visit Cell Groups | Membership | Church Office | Sunday Activities
Outreach | Church Camp | Membership | City Wide | Children | Worship Team | Art Class
Sermon | Worship | Bulletin | Acts News | Article | Music | Movies | Book | Sources